เนื้อหาบทนี้
จะกล่าวถึงการใช้งานระบบปฎิบัติการ Windows 7 ซึ่งเป็นระบบปฎิบัติการที่กำลังเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไป
โดยจะคัดเฉพราะส่วนที่สำคัญๆ และถึงเทคนิคการใช้งานซึ่งเป็นไปตามหัวข้อต่างๆ ดังต่อไปนี้
การใช้งาน Gadgets
แกตเจ็ตส์(Gadgets) คือโปรแกรมเล็กๆ
ที่สามารถนำมาวางบนเดสก์ท็อปเพื่อใช้งานตามคุณสมบัติของโปรแกรมแกตเจ็ตส์นั้นๆ
สำหรับระบบปฎิบัติการ Windows 7
ได้เตรียมแกตเจ็ตส์มาให้ส่วนหนึ่ง แต่ผู้ใช้ก็สามารถเลือกแกตเจ็ตส์ใหม่ๆ
จากการดาวน์โหลดผ่านอินเตอร์เน็ตมาใช้เพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตาม
โปรแกรมแกตเจ็ตส์บางตัว จำเป็นต้องเชื่อมอินเตอร์เน็ตเพื่ออ่านค่าล่าสุดมาใช้งาน
เช่น โปนแกรมตรวจสอบสภาพภูมิอากกาศ และ โปรแกรมแสดงค่าเงิน เป็นต้น
ขั้นตอนการเรียกใช้งานแกตเจ็ตส์
คอนโทรลพาแนล
(Control Panel)
คอนโทรลพาแนล เปรียบเสมือนแผงควบคุมการทำงาน
ซึ่งเป็นศูนย์รวมของโปรแกรมสำคัญต่างๆ ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่าและเรียกใช้งาน
อีกทั้งภายใรคอรโทรลพาแนลยังได้รับการจัดหมวดหมู่โปรแกรมต่างๆ อย่างมีระบบ
เพื่อสร้างความสะดวกต่อผู้ใช้ในการที่จะเข้าไปใช้งาน และต่อไปในจะนำเสมอการใช้งานส่วนโปรแกรมบางส่วนภายในคอนโทรลพสแนล
การปรับค่าให้กับเมาส์
ระบบปฎิบัติการ Windows จะมีรูปแบบการโต้ตอบกับระบบแบบ GUI ดังนั้น
อุปกรณ์เมาส์จึงเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต่อการใช้งาน
ซึ่งแต่ละคนอาจตั้งค่าการใช้เมาส์แตกต่างกันไปโปนเฉพราะผู้ที่ถนัดใช้งานเมาส์ด้วยมือซ้าย
การตั้งเวลาปิดให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
บ่อยครั้งทีเดียวที่เราอาจมีความจำเป็นต้องตั้งเวลาปิดเครื่อง
เพื่อมิให้เครื่องทำงานตลอด 25 ชั่วโมง ดังนั้น เนื่อหาต่อไปนี้ จำมาเรียนรู้เทคนิคการตั้งเวลาปิดเครื่องในรูปแบบอย่างง่ายกัน
การตั้งเวลาให้คอมพิวพ์เตอร์เปิดเครื่องอัตนามัติ
ในทำนองเดียวกัน
กรณีต้องการให้เครื่องเปิดอัตโนมัติ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
แต่การตั้งค่าเพื่อให้คอมพิวเตอร์เปิดเครื่องนั้น เกี่ยวข้องกับการตั้งค่าในไบออส
ซึ่งเป็นโปรแกรมเฟิร์มแวร์ที่ความใกล้ชิดกับระบบฮาร์ดแวร์ภายในเครื่อง
ซึ่งไบออสมีส่วนสำคัญต่อการบูตเครื่องและการกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอุปกรณ์
การตั้งค่าเวลาให้คอมพิวเตอร์เปิดเครื่องอัตโนมัติ
มีประโยชน์ติ่การใช้งานอยู่ไม่น้อยตัวอย่างเช่น
กรณีตามบริษัททั่วที่พนักงานทุกคนจะต้องเข้ามาลงเวลาในงานในทุกๆ
เช้าโดยการใช้บัตรพนักงานที่มีแถบบาร์โค้ดสแกนผ่านเครื่องอ่าน
ซึ่งการมอบหมายให้พนักงานผู้หนึ่งผู้ใดรับหน้าที่ในการเปิดเครื่องในช่วงเวลาเช้า
อาจเกิดปัญหาบางประการได้ เช่น ผู้รับมอบหมายเปิดเครื่องขาดงาน หรือมาสาย ดังนั้น
หากตั้งเวลาให้คอมสามารถเปิดเครื่องเองแบบอัตโนมัติได้
ก็จัดเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีวิธีหนึ่ง อย่างไรก็ตาม
การให้คอมพิวเตอร์เปิดเครื่องไบออสภายในเครื่องต้องสนับสนุนฟังก์ชั่นดังกล่าวด้วย
การแสดงข้อมูลเครื่อง
และเวอร์ชั่นของระบบปฎิบัติการ
หากต้องการทราบว่า
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่นั้น มีรายละเอียดฮาร์ดแวร์เบื้องต้นอะไรบ้าง
รวมถึงใช้ระบบปฎิบัติการเวอร์ชั่นอะไร
ระบบปฎิบัติการที่ใช้งานอยู่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่
ก็สามารถดูได้ด้วยขึ้นตอนดังนี้
การถอนโปรแกรมออกจากเครื่อง
เมื่อโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่อง
ไม่ได้ถูกใช้งาน การถอดถอนโปรแกรมออกไปจากเครื่อง ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดี
เพราะจะทำให้เรื้อที่บนฮาร์ดดิสก์เพิ่มขึ้น
การจัดการไฟล์และโฟลเดอร์
การใช้งานคอมพิวเตอร์ในทุกวันนี้
ล้วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลทั้งสิ้น โดยข้อมูลหรือเอกสารสำคัญต่างๆ
อาจถูกสร้างขึ้นด้วยโปรแกรมต่างๆ เช่น MS-Word, MS-Excel หรือ MS-PowerPoint
รวมถึงการป้อนข้อมูลธุรกรรมประจำวันผ่านตัวโปรแกรมเพื่อบันทึกลงในฐานข้อมูล
ดังนั้น ภายในคอมพิวเตอร์ (ฮาร์ดดิสก์) ก็จะเต็มไปด้วยไฟล์ต่างๆ มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ที่เกี่ยวข้องกันโปรแกรมระบบปฎิบัติการ
และไฟล์ที่ถูกสร้างขึ้นจากตัวผู้ใช้เอง
แนวคิดการจัดไฟล์และโฟลเดอร์
แน่นอนว่า
ไฟล์ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ภายในคอมพิวเตอร์ ย่อมมีอยู่มากมายหลายประเภท ซึ่งขึ้นอยู่ลักษณะงานของแต่ล่ะบุคคลเป็นสำคัญ
ในขณะเดียวกัน แต่ละคนก็จะมีวิธีการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลเหล่านั้นตามวิถีของตน
1.ควรจัดเก็บไฟล์ข้อมูลต่างๆ
แยกออกจากไฟล์โปรแกรม
เป็นวิธที่หลายๆ
คน ที่ใช้คอมพิวเตอร์มายาวนานมักนิยมใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากระทำตามกล่าวคือ
โดยส่วนใหญ่แล้ว
คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่ทั่วไปมักใช้งานอยู่ทั่วไปมักใช้ฮาร์ตดิสก์เพียง 1 ตัว
2.ไม่ควรเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ที่ถูกสร้างขึ้นจากโปรแกรมติดตั้ง
ในขณะที่มีการติดตั้งโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ
โปรแกรมประยุกต์เหล่านั้นจะสร้างโฟลเดอร์ของตนขึ้นมา
เพื่อเก็บข้อมูลของตัวโปรแกรมเอาไว้ และตำแหน่งโฟลเดอร์นี้เอง
ขะถูกนำมาใช้อ้างอิงในการเข้าถึงไฟล์ข้อมูลสำคัญ
3.ควรเก็บไฟล์ข้อมูลเพียงชุดเดียว
เป็นไปได้ว่า
ปัญหาจากการมีไฟล์ข้อมูลหลายๆ ชุด ทั้งๆ ที่เป็นข้อมูลเรื่องเดียวกัน จึงทำให้เกิดความสับสนว่า
ไฟล์ชุกไหนเป็นข้อมูลล่าสุด ปัญหานี้
อาจเกิดความหวังดีในเรื่องการสำรองข้อมูลเผื่อไว้
4.จัดระเบียบโฟลเดอร์ให้ใช่งานง่ายที่สุด
การสร้างโฟลเดอร์ย่อย
เป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยให้เราสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้เป็นอย่างดี
คล้ายกับตู้เอกสารที่แต่ล่ะลิ้นชักจะเก็บข้อมูลในการจัดแบ่งประเภทไว้โดยเฉพราะ
ในขณะเดียวกัน แต่ละลิ้นชัก ก็จะประกอบไปด้วยแฟ้มข้อมูลหมวดต่างๆ อีกจำนวนมาก
ดังนั้น หากมีการสร้างโฟลเดอร์ย่อยในระดับลึกลงไปหลายๆ ชั้น
จะทำให้ต้องเสียเวลาคลิกเพื่อเปิดโฟลเดอร์นั้น
5.ให้ตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ที่สื่อความหมายได้ดี
การตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ที่สื่อความหมายได้ดีนั้น
ทำให้เราสามารถตีความหมายว่าไฟล์หรือโฟลเดอร์นั้นเก็บข้อมูลอะไรไว้ ยกตัวอย่างเช่น
ไฟล์ชื่อ “Doc001.doc” ย่อมไม่ได้สื่อความหมายว่าข้อมูลในไฟล์นั้นคือข้อมูลอะไร
แต่ถ้าตั้งชื่อว่า “Budget57.doc” หรือ “งบประมาณ57.doc” ก็จะทำให้รู้ทันทีว่า
ไฟล์นั้นคือข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณปี 2557 หรือโฟลเดอร์ที่ตั้งชื่อว่า
“Utility_SW” ก็จะตีความหมายได้ทันทีว่า ข้อมูลที่บรรจุในโฟลเดอร์ Utility_SW
นั้นคือโปรแกรมยูทิลิตี้ต่างๆ
การเปลี่ยนมุมมองการแสดงผลของไฟล์
ที่โปรแกรม
Windows Explorer เมื่อเข้าไปยังตำแหน่งโฟลเดอร์ตามที่ต้องการแล้วจะมีรายการไฟล์ข้อมูลต่างๆ
แสดงออกมา ซึ่งรายการไฟล์เหล่านั้น เรายังสามารถเข้าไปกำหนดมุมมองการแสดงผลได้
การสร้างโฟลเดอร์
เรายังสามารถสร้างโฟลเดอร์ใหม่ขึ้นมาเพื่อจัดเก็บไฟล์ลงในโฟลเดอร์ดังกล่าวได้ด้วยวิธีง่ายๆ
ดังนี้
การเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์
หากต้องการเปลี่ยนชื่อไฟล์ข้อมูล
หรือเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้
การเปลี่ยนนามสกุลไฟล์
ตามปกติแล้ว
ที่ Windows
Explorer ได้มีการตั้งค่าให้ซ่อนนามสกุลไฟล์เอาไว้
โดยผู้ใช้จะเห็นเฉพราะชื่อไฟล์ ส่วนข้อมูลสกุลไฟล์ ก็ได้ระบุไว้ตรงชนิดไฟล์ (Type)
ให้ทราบอยู่แล้ว รวมถึงรูปไอคอนตามสกุลไฟล์เหล่านั้น ดังนั้น
ในการที่เราจะเข้าไปเปลี่ยนนามสกุลไฟล์ตามปกติ
จึงไม่ได้ทำให้ไฟล์นั้นถูกเปลี่ยนสกุลจริงๆ
การลบและกู้ไฟล์จาก Recycle
Bin
กรณีต้องการลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ออกไป
สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้
การคัดลอกไฟล์หรือโฟลเดอร์
ในการเลือกไฟล์
สามารถทำได้โดย
· กดปุ่ม Ctrl + A เป็นการเลือกทุกไฟล์
· กดปุ่ม
Ctrl
ค้างไว้ แล้วคลิกที่ชื่อไฟล์ เป็นการเลือกทีละไฟล์ตามที่กำหนด
· กดปุ่ม
Shift
ค้างไว้ แล้สคลิดที่ชื่อไฟล์
เป็นการเลือกไฟล์แรกจดไฟล์ท้ายแบบต่อเนื่องกัน
อย่างไรก็ตาม
เราสามารถใช้ปุ่มฮอตคีย์เพื่อดำเนินกับการคัดลอกในรูปแบบต่างๆ ได้ดังนี้
Ctrl
+ C คือการคัดลอก (Copy)
Ctrl
+ X คือการคัดลอกแบบเคลื่อนย้าย (Cut)
Ctrl
+ V คือการวางสิ่งที่ได้คัดลอกไว้ (Paste)
และในการดำเนินการใดๆ
เรายังสามารถที่จะ Undo หรือ Redo ในสิ่งที่ทำไป คือ
Ctrl
+ Z คือการ Undo
Ctrl
+ Y คือการ Redo
การค้นหาไฟล์
เนื่องจากไฟล์ข้อมูลที่เก็บไว้ตามแหล่งต่างๆ
มีจำนวนมาก จนบางครั้งเราอาจลืมไปว่าไฟล์
ดังกล่าวจัดเก็บไว้ที่ไหนบ้าง
วิธีแก้ปัญหานี้ก็คือ การใช้เครื่องมือค้นหาไฟล์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น